08 Sep ครอบครองปรปักษ์
เรื่องเล่าจากคดี
ตอนที่ 3 “นับเวลาครอบครองปรปักษ์ต่อกันได้”
ในปี 2562 ผมได้รับมอบหมายให้ทำคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ที่ดินย่านอโศก-ดินแดง คดีนี้มีความซับซ้อนเนื่องจากที่ดินที่เป็นข้อพิพาทนั้นอยู่ระหว่างที่ดินทั้งสามแปลงที่เจ้าของบ้านปัจจุบันได้ซื้อมา ทำให้เกิดข้อพิพาทว่าเจ้าของบ้านมีสิทธิ์ครอบครองที่ดินดังกล่าวหรือไม่
ข้อเท็จจริงของคดี:
นาง ญ. ได้ซื้อที่ดินจำนวน 3 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยมีที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งเป็นที่สาธารณะ (ที่ดินสีแดง) อยู่ระหว่างที่ดินทั้งสามแปลงนี้ นาง ญ. ได้ครอบครองที่ดินสีแดงร่วมกับที่ดินของ นาง ญ. โดยสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 23 ปี ต่อมาในปี 2557 นาง ญ. ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดให้กับลูกซึ่งเป็นผู้ร้องในคดีนี้ หลังจากนั้นลูกของนาง ญ. ได้ครอบครองที่ดินต่ออีก 5 ปี ทำให้ระยะเวลาการครอบครองรวมทั้งหมดเป็น 29 ปี
การคัดค้าน:
ฝ่ายผู้คัดค้านอ้างว่าที่ดินสีแดงเป็นสาธารณูปโภคของหมู่บ้านที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับประโยชน์สาธารณะ เช่น ทางหนีไฟและทางเข้าออก จึงไม่สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ และยังอ้างว่าการครอบครองของผู้ร้องและนาง ญ. ยังไม่ครบ 10 ปีตามกฎหมาย
การพิจารณาของศาล:
ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานจากทั้งสองฝ่ายและพบข้อเท็จจริงดังนี้:
นาง ญ. ผู้ที่ครอบครองที่ดินก่อนผู้ร้อง ได้ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งสามแปลงจากนางสาว จ. ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2533 หลังจากซื้อที่ดินมาแล้ว นาง ญ. ได้เข้าครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด รวมถึงที่ดินสีแดงอย่างสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของมาโดยตลอดเป็นเวลานานกว่า 23 ปี 6 เดือน ก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ร้องในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 หลังจากการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ผู้ร้องได้เข้าครอบครองต่อเนื่องโดยไม่มีการคัดค้านหรือรบกวนการครอบครองใดๆ ทำให้ระยะเวลาการครอบครองรวมกันของนาง ญ. และผู้ร้องเกินกว่า 10 ปี
พยานหลักฐานจากผู้คัดค้าน:
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้คัดค้านไม่สามารถนำเสนอหลักฐานที่ชัดเจนและเพียงพอในการพิสูจน์ว่าที่ดินสีแดง นั้นเป็นสาธารณูปโภคของหมู่บ้านตามที่กล่าวอ้าง โดยไม่มีหลักฐานหรือเอกสารใดๆ ที่ยืนยันสถานะของที่ดินดังกล่าวว่าเป็นที่ดินที่จัดสรรไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเป็นภาระจำยอมที่เชื่อมโยงกับที่ดินอื่นๆ ในหมู่บ้าน นอกจากนี้ ผู้คัดค้านยังไม่สามารถนำเสนอพยานหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือในการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและนาง ญ. นำเสนอเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินสีแดง ได้
การครอบครองปรปักษ์:
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การครอบครองที่ดินสีแดง ของนาง ญ. และผู้ร้องนั้น เป็นการครอบครองที่ดำเนินไปอย่างสงบ เปิดเผย และมีเจตนาเป็นเจ้าของต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนานมากกว่า 10 ปี โดยไม่มีการคัดค้านหรือรบกวนจากบุคคลใด ซึ่งตรงตามข้อกำหนดของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ในเรื่องของการครอบครองปรปักษ์
บทเรียนจากคดีนี้:
การครอบครองปรปักษ์สามารถนำมาใช้ได้หากมีการครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าเจ้าของเดิมและผู้รับโอนจะมีระยะเวลาครอบครองที่แตกต่างกัน แต่สามารถนับรวมเวลาในการครอบครองได้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย
สรุปหลักเกณฑ์การครอบครองปรปักษ์:
1. ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น: ต้องเป็นการครอบครองทรัพย์สินที่เป็นของผู้อื่นเท่านั้น
2. ทรัพย์สินที่ครอบครองต้องมีกรรมสิทธิ์: ต้องเป็นทรัพย์สินที่มีโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง
3. การครอบครองโดยความสงบ: ต้องไม่มีการโต้แย้งหรือฟ้องร้องในสิทธิการครอบครอง
4. การครอบครองโดยเปิดเผย: ต้องไม่มีการปิดบังหรือซ่อนเร้น
5. การครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ: ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น
6. ระยะเวลาในการครอบครอง: ต้องครอบครองต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 ปีสำหรับที่ดิน
อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2541, 5432/2536, 1088/2519, 5086/2532
การป้องกันการครอบครองปรปักษ์เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของที่ดิน โดยวิธีการที่ควรทำมีดังนี้:
1. ตรวจสอบที่ดินเป็นประจำ: เจ้าของที่ดินควรทำการตรวจสอบที่ดินของตนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. แสดงความเป็นเจ้าของที่ดิน: ควรมีป้ายหรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของที่ดินอย่างชัดเจน เช่น ป้ายระบุว่าที่ดินเป็นของตน หรือสร้างรั้วล้อมรอบที่ดิน
3. ทำสัญญากับผู้ที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดิน: หากมีบุคคลเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดิน เช่น ทำการเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์ ควรทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น สัญญาเช่าที่ดิน หรือสัญญาจ้างดูแลที่ดิน โดยสัญญาควรระบุให้ชัดเจนว่าผู้ใช้ประโยชน์ยอมรับกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน
4. แสดงพฤติการณ์การขับไล่หรือขัดขวาง: หากพบว่ามีบุคคลพยายามเข้าครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของที่ดินควรดำเนินการขับไล่หรือขัดขวาง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการรักษาสิทธิ์ในที่ดินของตน
หากมีข้อสงสัยหรือสนใจจ้างว่าความคดีการครอบครองปรปักษ์
ติดต่อได้ที่ ทนายปภังกร (อาร์ต) โทร 0622659995
Line: @legalreso
Sorry, the comment form is closed at this time.