08 Sep เจ้าหนี้ดอกโหด ระวังติดคุก
เรื่องเล่าจากคดี “เจ้าหนี้ดอกโหด ระวังติดคุก!”
การปล่อยกู้และการยืมเงิน มักจะมีเรื่องราวที่ทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทางกฎหมาย บางครั้งก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อการกระทำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด กรณีที่เราจะพูดถึงในวันนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหนี้รายหนึ่งที่ใช้วิธีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และยังมีพฤติกรรมข่มขู่ลูกหนี้จนเกิดความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดทางอาญาหลายประการ
การเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายกำหนด
เริ่มต้นที่ประเด็นการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ตามที่ได้กล่าวไว้ในตอนก่อนหน้านี้ เจ้าหนี้รายนี้เรียกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 500 ถึง 1,500 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปถึง 100 เท่า
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ระบุไว้ว่า ดอกเบี้ยที่สามารถเรียกเก็บได้ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี หากมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4 ยังได้ระบุโทษไว้ว่าผู้ใดเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรานี้ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีนี้ แม้ว่าข้อตกลงการคิดดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดจะเป็นโมฆะ แต่เงินที่ลูกหนี้จ่ายเป็นดอกเบี้ยไปแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้สามารถนำจำนวนเงินที่จ่ายเป็นดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปหักลบกับเงินต้นได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ที่กำหนดว่าเงินดอกเบี้ยที่เกินจากอัตราที่กฎหมายกำหนดถือเป็นโมฆะ
การข่มขู่และก่อความเดือดร้อนรำคาญ
นอกจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราแล้ว เจ้าหนี้ยังได้กระทำการข่มขู่และก่อความเดือดร้อนรำคาญต่อลูกหนี้ในหลายลักษณะ เช่น การไปทวงเงินหน้าบ้านโดยใช้คำพูดข่มขู่ การพูดในลักษณะที่ทำให้ลูกหนี้และครอบครัวของเขารู้สึกไม่ปลอดภัย เช่น การบอกให้ลูกชายของลูกหนี้ระวังตัวว่าจะเกิดอันตราย การโทรหาลูกหนี้วันละไม่ต่ำกว่า 20 สาย หากไม่รับสายก็จะมาตะโกนเรียกหน้าบ้านไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน รวมถึงการประกาศในกลุ่มไลน์หมู่บ้านว่าจะเปิดโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับการที่ลูกหนี้ยืมเงินไป ซึ่งทำให้ลูกหนี้ได้รับความอับอายจากสังคมและเกิดความไม่สงบสุขในครอบครัว
พฤติกรรมเหล่านี้อาจเข้าข่ายความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 ซึ่งระบุว่า ผู้ใดกระทำการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
นอกจากนี้ การที่เจ้าหนี้ข่มขู่ลูกหนี้ โดยเฉพาะในเรื่องการกล่าวว่าอาจเกิดอันตรายต่อลูกชายของลูกหนี้ อาจเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 ซึ่งระบุว่า ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
การประจานลูกหนี้และการทวงหนี้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
การประจานลูกหนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การประกาศในกลุ่มไลน์หมู่บ้าน และการโทรทวงหนี้หลายครั้งต่อวัน หรือการตะโกนทวงหนี้หน้าบ้าน อาจเข้าข่ายความผิดตาม พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 ซึ่งกำหนดวิธีการทวงหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย การทวงถามหนี้ต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือทำให้ลูกหนี้ได้รับความอับอาย และห้ามใช้การข่มขู่หรือการคุกคาม หากฝ่าฝืนกฎหมายนี้ เจ้าหนี้อาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ การกล่าวหาลูกหนี้ในลักษณะที่ทำให้เสียชื่อเสียง อาจเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ มาตรา 328 ซึ่งระบุว่า ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท หากกระทำการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จะต้องระวางโทษหนักขึ้น
ผลทางกฎหมายและการดำเนินการของลูกหนี้
เมื่อทราบถึงพฤติกรรมและการกระทำที่ไม่ถูกต้องของเจ้าหนี้ ลูกหนี้ได้ทำการแจ้งความต่อสำนักงานตำรวจ โดยนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการร้องทุกข์ เมื่อตำรวจได้รับเรื่องและทำการตรวจสอบ เจ้าหนี้ทราบว่าตนเองอาจต้องเผชิญกับการถูกดำเนินคดีทางอาญาหลายข้อหา จึงตัดสินใจขอไกล่เกลี่ยและถอนฟ้องคดีแพ่งที่ได้ยื่นฟ้องลูกหนี้ไว้ เรื่องราวจึงจบลงด้วยการตกลงระหว่างสองฝ่าย
ข้อเตือนใจสำหรับเจ้าหนี้และลูกหนี้
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ สำหรับเจ้าหนี้ ควรตระหนักถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การเรียกเก็บดอกเบี้ยที่เกินอัตรากฎหมายกำหนดและการใช้วิธีการข่มขู่หรือคุกคามลูกหนี้อาจทำให้เจ้าหนี้ต้องเผชิญกับการดำเนินคดีทางอาญา
ส่วนลูกหนี้ควรรู้สิทธิของตนเองและไม่ควรยอมจำนนต่อการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหรือทนายความสามารถช่วยให้คุณปกป้องสิทธิของตนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ติดต่อได้ที่ ทนายปภังกร (อาร์ต)
โทร 0622659995
Line: @legalreso
Sorry, the comment form is closed at this time.